ท่าง่ายไม่ต้องท่ายากก็สามารถทำกำไรได้
ท่าง่ายที่ว่านั้นเราจะมาพูดถึงการลงทุนโดยใช้เทคนิคคอล ซึ่งเทคนิคคอลที่ว่านั้นคือ “แนวรับแนวต้าน ” แนวรับแนวต้านทุกคนคงเคยได้ยินมาบ้าง ดีไม่ดีได้ยินมาบ่อยด้วยซ้ำบางคนอาจจะเข้าใจหรืออาจจะยังไม่เข้าใจในแนวรับแนวต้านว่ามันจะเอามาใช้ในการทำอย่างไร เดียววันนี้เราจะมาลองดูกันนะครับว่ามันเป็นยังไง ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่าแนวรับแนวต้านคืออะไร
แนวรับแนวต้าน
แนวรับ คือ เป็นแนวราคาที่นักลงทุนส่วนใหญ่เห็นว่ามันลงมาต่ำแล้วถึงราคาที่เหมาะสมจะซื้อแล้ว เลยทำให้เกิดแนวรับที่นักลงทุนเข้าซื้อกันครับ
แนวต้าน คือ เป็นแนวราคาที่นักลงทุนส่วนใหญ่เห็นว่ามันลงมาต่ำแล้วถึงราคาที่เหมาะสมจะขายแล้ว เลยทำให้เกิดแนวต้านที่นักลงทุนเทขายครับผม
และนอกจากความหมายนี้ยังมีแนวรับแนวต้านที่เป็นแนวจิตวิทยาอีก คือ แนวรับแนวต้านที่ ราคาลงเลขท้ายเป็นเลขจำนวนเต็มเช่น สมมติ ราคาอยู่ที่ 990 แล้วราคาขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วจนถึง 1000 บาท แถวราคา 1000 บาทนี้จะมีแรงขายเป็นจำนวนมากกว่าปกติ ซึ่งเหมือนเป็นเชิงจิตวิทยาที่เป็นเลขที่ลงตัวพอดีเลยง่ายต่อการตั้งเป็นราคาเข้าซื้อหรือราคาเป้าหมายที่จะขาย
ทีนี้เราก็พอจะเข้าใจแล้วว่าแนวรับแนวต้านคืออะไร บางคนอาจจะยังไม่เห็นภาพงั้นเดียวเราไปลองดูภาพกันนะครับว่ามันเป็นยังไง แนวรับแนวต้านเนี้ย
วิธีดูแนวรับแนวต้าน
ต้องบอกก่อนเลยว่าแนวรับแนวต้านนั้นแต่ละคนสามารถมองแตกต่างกันได้ จากรูปแนวรับแนวต้านที่ 1 นั้นก็เป็นเพียงมุมมองของตัวผมเอง แต่หลักๆนั้นจะดูได้จากราคาที่เกิดการปรับตัวเมื่อถึงราคานั้นๆเช่นจากในรูปแนวรับแนวต้านที่ 1 เราก็จะเห้นได้ว่าราคาขึ้นไปถึงตรงด้านบนนี้ถึง 3 รอบ เราก็ตั้งข้อสังเกตุได้แล้วว่าเอ๋หรือตรงนี้จะเป็นแนวต้าน ส่วนแนวรับเราก็เห็นว่าเกิดการปรับตัวขึ้นแถวราคานั้นถึง 2 รอบ ก็พอจะเป็นข้อสังเกตุได้แล้วว่านี่คือแนวรับ ซึ่งความถี่ที่ราคาไปเกิดรวมทั้งระยะห่างของแนวรับแนว
ต้านเดิมนั้นเป็น ตัวยืนยันว่าแนวรับแนวต้านนั้นใช่แนวรับแนวต้านจริง ๆ หรือป่าว ยิ่งถี่มากยิ่งเชื่อถือได้ครับผมต่อไปเรามาดูวิธีนำแนวรับแนวต้านไปใช้กันนะครับ
รูปแนวรับแนวต้านที่ 1
แนวรับแนวต้านกับการลงทุน
แนวรับแนวต้านนั้นเป็นเสมือนกรอบที่ราคานั้นแกว่งตัวอยู่ในกรอบ เราสามารถหาจังหวะเข้าลงทุนได้จากแนวรับแนวต้านดังต่อไปนี้
เมื่อราคาปรับตัวลงมาแล้วแรงขายเริ่มลดลงจะมีแรงซื้อที่จากนักลงทุนที่เห็นว่าหมดแรงขายแล้วดูได้จากรูปแนวรับแนวต้านที่ 1 เราจะเห็นว่าเมื่อราคาหมดแรงขายแล้วจะทำใหเกิดแนวรับแล้วเป็นจุดที่น่าสนใจเข้าซื้อได้
หมายเหตุ : การเข้าซื้อที่แนวรับอาจจะไม่ใช่จุดเข้าซื้อที่ดีที่สุดแต่เป็นจุดที่น่าสนใจเข้าซื้อ
เมื่อราคาปรับตัวขึ้นมาแล้วจะมีแรงขายที่จากนักลงทุนที่เห็นว่าถึงแนวที่น่าสนใจในการขายแล้วจากรูปแนวรับแนวต้านที่ 1 เราจะเห็นว่าเมื่อราคาหมดแรงขายแล้วจะทำใหเกิดแนวรับแล้วเป็นจุดที่น่าสนใจเข้าซื้อได้
หมายเหตุ : การขายที่แนวต้านอาจจะไม่ได้ราคาดีที่สุดแต่เป็นสุดที่น่าสนใจในการขาย
บางครั้งราคานั้นจะอยู่ในกรอบแนวรับแนวต้านบางคนลงทุนไม่ชอบรออยู่ในกรอบงั้นเราก็ต้องให้มันทะลุกรอบหรือที่เราอาจจะได้ยินว่า เบรคแนวต้าน ยกตัวอย่างเช่นจาก รูปแนวรับแนวต้านที่ 1
จากรูปเราจะเห็นว่าพอราคา เบรคแนวต้านตรงครั้งที่ 3 แล้วราคามีการปรับตัวขึ้นไปอีก ซึ่งนักลงทุนบางคนอาจจะไม่ชอบซื้อตรงแนวรับเพราะไม่ชอบรอแล้วมาซื้อตรงที่ทะลุแนวต้านแล้ว ซึ่งดูจากรูปถึงจะต้นทุนสูงแต่ก็ได้กำไรอยู่
หมายเหตุ : การทะลุแนวต้านนั้นควรจะมีปริมาณการซื้อขายที่มีปริมาณมากกว่าปกติมายืนยันการทะลุแนวต้าน
บางครั้งการลงทุนของเราอาจจะเกิดการผิดพลาดการ Stop loss หรือการหยุดขาดทุนนั้นก็เป็น 1 ในทางเลือกที่ใช้ในการจำกัดขาดทุนเมื่อลงทุนไม่เป็นไปอย่างที่คิด
จากรูปจะเห็นว่าราคามีการทะลุแนวต้านไปแล้วซึ่งตามหลักแล้วราคาควรขึ้นต่อแต่ราคาขึ้นไประยะหนึ่งแล้วกลับมีการปรับตัวลดลงถ้าเราเข้าซื้อที่แนวรับ อาจจะยังไม่มีปัญหาเราอาจจะกำไรอยู่นิดหน่อย หรือบางท่านอาจจะขายไปแล้วตอนเบรคแนวต้านหรือขายที่แนวต้าน แต่สำหรับผู้ที่ตามมาซื้อตรงแนวต้านนั้น ก็สามารถใช้แนวต้านที่เข้าซื้อนั้นมาเป็นจุด Stop loss ได้เมื่อการเข้าลงทุนไม่เป็นไปอย่างที่คิดถ้าเรา Stop loss ที่แนวต้านเราอาจจะไม่ได้กำไรแต่เราก็ไม่ขาดทุนหนักจากการที่ราคาปรับตัวลงมา
หมายเหตุ : อาจจะเกิดการเด้งกลับของราคาก็ได้แต่การใช้แนวรับเป็นตัว Stop loss เป็นเครื่องมือหนึ่งในการใช้ตัดสินใจ Stop loss
หลายคนคงเห็นภาพมากขึ้นในการนำแนวรับแนวต้านไปใช้ แต่ต้องบอกก่อนว่าถ้าคุณมองแนวรับแนวต้านต่างกับคนอื่นนั้นไม่ผิดเพราะแนวรับแนวต้านนั้นแล้วแต่ใครจะมองครับ ผมหวังว่าแนวรับแนวต้านจะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้การลงทุนสำหรับนักลงทุนทุกท่านลงทุนได้ง่ายขึ้นในการลงทุน
ทีมงาน : forexfactorythai.com