วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ตอนที่ 2

ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ตอนที่ 2



มาดูในส่วนการนำเสนอของทาง Robert Rhea เกี่ยวกับทฤษฎีดาวกันบ้างดีกว่า โดยเขาได้แบ่งแนวโน้มของราคาออกเป็น 3 ส่วน คือ

  1. Primary Trend
เป็นเทรนแนวโน้มระยะยาวที่สุด และเป็นเทรนที่แสดงให้เห็นถึงภาพรวม การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ราคาหุ้น โดยใช้เววลาไม่ต่ำกว่า 1ปี หรือมากกว่านั้น เมื่ออยู่ในรูปแบบขาขึ้น จะเรียกว่า “Bull Trend” หากอยู่ในเทรนขาลง จะเรียกว่า “Bear Trend”

  1. Secondary Trend เทรนแนวโน้มรอง
ซึ่งรูปแบบเทรนนี้ จะตรงข้ามกับ "Primary Trend" หาก Primary Trend เป็นเทรนขาขึ้น Secondary Trend ก็จะเป็นการย่อตัวระยะสั้น (ย่อตัว เพื่อขึ้นต่อ) โดยจะใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ ถึง หนึ่งเดือน และ จะย่อตัวประมาณ 33% หรือ 66% จากที่ดัชนี(เทรนหลัก) ทะยานขึ้นมาและหาก Primary Trend เป็นเทรนขาลง Secondary Trend ก็จะเป็นการฟื้นตัวระยะสั้น (เด้งเพื่อ ลงต่อ) โดยจะใช้เวลา หนึ่งสัปดาห์ ถึง หนึ่งเดือน และ จะฟื้นตัวขึ้นไปประมาณ 33% หรือ 66% จากที่ดัชนี (เทรนหลัก) ร่วงลงมา

  1. Minor Trend เทรนระยะสั้น
เป็นเทรนแนวโน้มเล็กๆ ที่เป็นองค์ประกอบของ Secondary Trend เป็นการเคลื่อนไหวแกว่งตัวราคาหุ้นในแต่ล่ะวัน โดยจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ รูปแบบเทรนจึงจะเปลี่ยนไป

ซึ่งถ้านับตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า  Dow theory นั้นเป็น "ปรัชญา ของการวิเคราะห์ปัจจัยเทคนิค" เพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับหลากหลายศาสตร์การวิเคราะห์หุ้น ด้วยปัจจัยทางเทคนิค ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Elliott wave, Price Pattern , Psychology trading  ซึ่งเป็นเครื่องมือ ที่ใช้บอกถึงอารมณ์ของตลาดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถบอกถึง จุดกลับตัว (Reversal)ของราคาหุ้นหรือตลาดหุ้นได้ดีอีกด้วย และหลักการ Dow theory ยังต่อยอดพัฒนามาเป็น Indicator ต่างๆ ที่นักลงทุนในปัจจุบันได้ใช้วิเคราะห์ แนวโน้ม,สัญญาณ ซื้อขาย ของราคาหุ้น,ดัชนีตลาดหุ้น ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงต้องขอบคุณ Charles H. Dow , William Peter Hamilton ,Robert Rhea พวกเขาเหล่านี้ ที่ได้พัฒนาต่อยอด Dow Theory ให้สมบูรณ์แบบ และเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนรุ่นหลังเป็นอย่างมาก

ทีมงาน : forexfactorythai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น